วันเสาร์ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2552

The Warren Buffett Way



The Warren Buffett Way

Buy at : Kinokuniya
On Date : 2009-11-28

เป็น Text Book เล่มแรก ที่บังอาจซื้อมาอ่านดูจิว่าจะอ่านเสร็จวันไหน
เอามาแปะไว้ก่อน ว่าจะใช้เวลากี่เดือน เหอะๆๆ
...

....
.
.

อาจจะเป็นปีก็เป็นได้ ><

วันอังคารที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2552

0005 : ประสบการณ์ในการลงทุน ภาคแรก




หลังจากนอกเรื่องในบทความก่อนหน้านี้มาเยอะ .. บางเรื่องออกไปไกลเลย เหอะๆ เอาหน่ะไม่ว่ากันน๊า ไงก็แล้วแต่วันนี้อยากเล่าว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างงงง ว่าแล้วตามเลยย จะได้ทบทวนสิ่งที่ตัวเองทำไว้ด้วย ^^



เป็นเวลาเกือบจะสองปีที่แล้ว คลุกคลีกับการลงทุนในสินทรัพย์ที่ทำคนรวยและจนกับได้ภายในวันสองวัน จะว่าไปแรกๆที่รู้จักตลาดหุ้นก็เพราะเกมการแข่งขัน click2win ที่ตลาดหลักทรัพย์จัดแข่งทุกปีช่วงแรกๆที่เล่นนั้นก็อยู่มหาลัยปีสามจะปีสี่ เล่นตอนแรกๆตื่นเต้นมาก ถึงเงินปลอมก็เหอะ เหมือนได้และเสียตังค์จริงๆเลย >< ตอนท้ายๆเหมือนจะขาดทุนเป็นแสน....จึงทำให้เข้าใจว่า ตลาดหุ้นในความคิดตอนนั้นเหมือนการพนันบนความน่าจะเป็น แต่ละวันๆคือการมาดูข่าวหาข่าวว่าตัวไหนจะวิ่งไปบ้าง จะแพงกว่าที่ซื้อมาบ้าง ดู volumn อะไรมากมาย จนเลิกเล่นไป ในที่สุด....

หลังจากเรียนจบมหาลัยได้มีโอกาสไปอบรมนักลงทุนรุ่นใหม่ ติดแบบฟลุ๊คๆๆ จากที่นี้แหละจึงได้รู้หุ้นนั้นคือทรัพย์สินที่เหมาะแก่การลงทุนมากที่สุด หากรู้วิธีที่ ok กับชีวิตเรา ที่ต้องบอกว่าวิธีที่ ok ที่สุดกับตัวเรา นี้หมายถึง การที่รู้จักตัวเองเสียก่อนที่จะรู้จักตลาดหุ้น ลองเปรียบเสมือนหมากรุก คนแต่ละคนย่อมมีวิธีที่เล่นที่แตกต่างกัน อาจเพราะวิธีเล่นที่ต่างกัน มีครูต่างกัน มีประสบการต่างกัน จึงทำให้เล่นหมากรุกได้หลากหลาย แต่ทุกวิธีก็มุ่งหมายจะเอาชนะฝ่ายตรงข้าม ตลาดหุ้นก็เช่นกัน คนเรามีความสามรถที่ต่างกัน ดังนั้นแล้วการลงทุนในหุ้น ก้มีหลักและวิธีที่แตกต่างเช่นกัน ตรงนี้มันเป็นเรื่องของการปฏิบัติล้วนๆ การได้ลองทำ การได้ลองถือครองหุ้น การได้คลุกคลีกับหุ้น ก็ทำให้เราเห็นตัวเองได้มากขึ้นว่า เราควรจะลงทุนอย่างไรให้เหมาะกับชีวิตของเรา...

เมื่อมีการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ ควรจะมีเป้าหมายชัดเจน ภาพที่เราจะไปในระยะเวลาเท่าใด อย่างน้อยควรตอบให้ได้ว่าเราลงทุนเพื่ออะไร ในระยะเวลาเท่าใด พอเป็นหลักให้ได้เดินไป ให้ได้มอง ก็เป็นเรื่องของยุทธศาสตร์ การมองภาพนี้เป็นสิ่งสำคัญที่สุดก็ว่าได้ เพราะท้ายสุดแล้ว เราต้องตีภาพพตรงนี้ออกมาเป็นกลยุทธที่จะปฏิบัติทุกๆวัน อย่างสม่ำเสมอ เพื่อบรรลุเป้าหมายระยะยาว.. แน่นอนว่าในช่วงแรกของการลงทุนของผมนั้น การตั้งเป้าหมายให้ได้เป็นเรื่องแรกๆที่ต้องทำ หล่ะวันนั้นผมก็ได้เขียนเป้าหมายไว้แล้ว...นี้คือยุทธศาสตร์ ต่อมาที่ต้องทำคือการวางกลยุทธและการทำอย่างสม่ำเสมอทุกๆวัน ตรงนี้เป็นเรื่องที่เราต้องรู้จักตัวเองล้วนๆ ว่าเรามีความพร้อมด้านไหน เรื่องอะไร สิ่งที่ขาด สิ่งที่ไม่รู้ แหล่งข้อมูล วิธีการทำ บลาๆๆ มากมาย ><

ก็ดูเหมือนจะยาก ครับอาจจะยากถ้าเรามองดูอย่างเดียว สิ่งที่จะเรียนรู้ได้ดีที่สุดคือลองทำคับจะได้รู้ว่าเรา ขาดเหลืออะไร ยังไม่พร้อมส่วนไหน ปรับปรุงอะไรได้บ้าง อย่างของผมในตอนนั้นมีปัญหาเรื่องเก็บตังค์ไม่อยู่... เห็นอยู่ในบัญชีเป็นหมด ก็เลยแก้ไขใหม่ซะ เงินออก โอนไปหุ้นปันปั๊บ ก็ถอนออกมาไม่ได้ ก็เป็นการสร้างวินัยอย่างง่ายๆของผมเอง

แล้วเดี๋ยวจะมาต่อในภาคสองนะงับ

สรุปง่ายๆคือ

ควรจะตอบตัวเองให้ได้ว่า

เราลงทุนเพื่ออะไร ในระยะเวลาเท่าไหร่ (เป็นยุทธศาสตร์)
ต่อมาคือทำอย่างไรให้บรรลุ (เป็นกลยุทธ)

วันอังคารที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2552

0004 : รายงานการจัดตั้งห้างร้าน

2009-12-07 @ Central World

วันนี้มีโอกาสได้คุยกับน้องบริหารคนนึง ขอเล่าเรื่องราวก่อนหน้าสักเล็กน้อย ในใจลึกๆนั้นส่วนตัวแล้วอยากจะจัดตั้งบริษัทเป็นของตัวเองเลยเป็นที่มาของโครงการนี้ การทำธุรกิจขายคอมบน e-market

ก็จะมาลำดับการริเริ่มเหตุและผลและงานที่จะไปในอนาคตให้ฟังนะงับ

ทำไมถึงเลือกการเปิดธุรกิจขายคอมบนโลกออนไลน์??

สาเหตุก็ไม่มีอะไรมากจะแยกมาเป็นประเด็นคร่าวๆนะ

ด้านตัวเอง
  • เพราะมีความรู้เรื่องคอมพิวเตอร์
  • มี connection พอสมควร
  • มีทุน
ด้านผู้กระจายสินค้า
  • สั่งซื้อในปริมาณน้อยได้
  • มีการรับประกันสินค้า
  • ส่งฟรี
  • มี margin ประมาณ 5-10%
  • มีสินค้าให้เลือกหลากหลาย
ด้านลูกค้า
  • ลูกค้าเป็นคนรู้จัก
  • ลูกค้าเป็นคนในองกรณ์
  • สามรถร้องขอให้ชำระเงินก่อนได้สินค้าได้
ตอนนี้ก็รวบรวมความได้เปรียบได้ประมาณนี้ส่วนข้อจำกัดก็มีดังนี้
  • คุณภาพสินค้าเราไม่สามารถแกะก่องมาตรวจดูได้
  • การรับประกันถ้าลูกค้าส่งทางเราอาจจะเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มในการส่งสินค้าต่อไปทางผู้กระจายสินค้า
  • การซื้อสินค้าจำเป็นต้องซื้อเงินสด
  • ต้องจัดตั้งมีทะเบียนการค้าเพื่อที่จะค้าขายกับทางผู้กระจายสินค้า
  • ความเสี่ยงที่จะส่งของให้ไม่ทัน
  • ความเสี่ยงอื่นๆที่อาจจะมองไม่ออก บลาๆๆ

พอมีปัจจัยเหล่านี้ key เริ่มต้นก็อยู่ว่า การขายคอมผ่านเน็ตให้คนที่เรารู้จักหรือตลาดที่เราเข้าใจ เป็นทางเริ่มต้นที่ไม่ยากเกินไป ก็เลยกะจะลุยดู

ต่อมาคือสินค้าไอทีที่จะขายหรือทำตลาด

เพื่อไม่ให้เกิดความหลากหลายที่มากเกินไปก็จะทำตลาดในสินค้าห้าประเภทคือ
  1. จอภาพ
  2. Desktop
  3. Notebook
  4. Smart Phone
  5. External Hardidk
เพราะทาง ผู้กระจายสินค้ามีสินค้าหลากหลายมาก ก็เลยเลือกมาห้าตัวที่ค่อนข้างเจาะกลุ่มลูกค้า mass มากที่สุด(คงไม่ขาย server อะ )

skill ที่ต้องการสำหรับการเปิดร้าน
  1. การจัดการ
  2. การเงิน
  3. การตลาด
  4. การบริการ(สินค้า)
  5. การบัญชี
ตอนนี้ก็ได้น้องบริหารคนนึงมาร่วมแล้ว ซึ่งน้องก็มีความถนัดในเรื่องของการจัดการ การตลาด การวิเคราะห์ต่างคุณลักษณะต่างๆของธุรกิจ

ส่วนผมก็ถนัดในทางการบริการ ความรู้พื้นฐานของคอม การเจรจาต่อรอง การ contract ต่างๆๆ การเงินบริหารเงินหน้าตัก

สิ่งที่ขาดตอนนี้เลยคือการ translate แบบจากการคิดลงสื่อ บนอินเตอร์ การ design เว็บ เป็นต้น

วันที่คุยกันก็สรุปแผนภาพมาได้ดังนี้




วิสัยทัศน์คร่าวๆ

จัดหาสินค้าไอทีที่มีคุรภาพราคาถูกด้วยบริการประทับใจ


การทำตลาดคร่าวๆ
  1. ตลาดซื้อขายในองกรณ์
  2. twitter
  3. facebook
  4. website
  5. connection
กลยุทธ์ product,price,place,promotion

งานที่แยกย้ายไปทำ
ยศ
  1. สรุปข้อมูลทั้งหมด
  2. ข้อมูลราคาสินค้า ใน pantip เว็บขายคอมอื่นๆ เทียบกับราคาเรา
  3. การจัดตั้งห้างร้าน
  4. ติดต่อหาคนทำบัญชีพร้อมสอบถามค่าใช้จ่าย
น้องเค้ก
  1. ข้อมูลกลุ่มลูกค้า
  2. แนวโน้มการตลาด
  3. การทำตลาดต่างๆ
  4. โปรโมชั่น

วันศุกร์ที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2552

0003c : ลูกหมูอ้วนพี ^^


สายๆหน่อยของต้นปี 2009 เสียงแม่เดินเข้ามาในห้อง...ในมือถือกล่องแปลกๆกล่องนึง หล่ะยื่นให้ผมมา
"อะ ลองเปิดดู.." แม่ให้พร้อมยิ้มกริ่มๆเล็กน้อย
"อะไรอะแม่ " ผมถามด้วยความงุนงงนิดหน่อย..

ว่าแล้วพอเปิดมาก็เป็นกระปุกตัวน้อยยย...

อะโห้ยย โดนใจเจรงๆคร๊าบ กำลัวมองหาเลย...

ในช่วงนั้นกำลังอ่านหนังสือพ่อรวยสอนลูกมั้ง มีอยู่บทนึงที่พูดถึงการจัดสรรปันส่วนเงินเก็บของตัวเองได้สามส่วนดังนี้
  1. เงินออม
  2. เงินลงทุน
  3. เงินทำบุญ
ขอขยายความสักเล็กน้อย
เงินออม ก็เปรียบเสมือนเงินเสบียง..ในยามฉุกเฉิกเงินก้อนนี้จะทำหน้าที่ หล่อเลี้ยงเราไปได้สักระยะนึงในกรณีไม่มีรายได้ ถ้าเปรียบตามหนังสือพ่อรวย เค้าบอกว่า มีให้พอใช้ประมาณ หกเดือนถึงหนึ่งปี เผื่อว่าจะขาดรายได้ช่วงนั้นมากไปหน่อยก็จะยังมีกินไปสักระยะไม่อดตายว่างั้น

เงินลงทุน ก็เป็นเงินที่เอาไว้ลงทุนให้งอกเงย ทำให้เกิดดอกออกผลแล้วเมื่อได้ผลมาก็กลับนำไปลงทุนซ้ำเพื่อสร้างอิสรภาพทางการเงินในอนาคต

เงินทำบุญ ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าเพื่อสาธารณะ แจกจ่ายให้กับคนที่ด้อยโอกาสกว่า...

ทั้งหมดนี้เป็นเงินที่จัดสรรจากเงินเก็บไม่รวมเงินที่ใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน

ช่วงแรกๆจำได้ว่าตื่นวิชาคร๊าบบบบ
พยายามแบ่งเป็นสามส่วนเหมือนทฤษฎีนั้นแหละ แต่ก็ไม่ได้กะเกณฑ์ว่ากี่ % ยังไงแบบไหน
ผลก็คือ เก็บเงินออมได้ พอเดือนไหนเริ่มฝืดก็จะไปแคะ เหอะๆ ดูแล้วไม่เป้นก้อยเป็นกอบเป็นกำ เลยเปลี่ยนใหม่ เก็บเงินออมในรูปแบบทองคำ...เหอะๆก็ยังไม่รอดอยู่ดี ไอตัวเราช่วงนั้นก็มีวินัยไม่มากเท่าไหร่

ทีนี้เลยตัดปัญหามันเลย ลงทุนให้หมดเลย ไม่ออมมันแหละ
ผลก็คือแคะออกมาได้อยากขึ้นเพราะเราซื้อเป็นหุ้นมานหมดเลย จะขายก็เสียดาย 5555
แต่ก้มีแอบหลุดรอดออกมาบ้าง นิดๆๆ ><

ท้ายสุดก็เป็นเงินเก็บเพื่อการกุศล เงินก้อนนี้จะถูกหยอดกระปุกทุกวัน วันละสิบบาท .. และเดือนหน้าก็ใกล้วันครบปีแล้ว ที่ถูกที่ควรก็ควรจะได้ทั้งหมด 3,650 บาท ไว้สำหรับทำบุญทำทาน แต่บางวันนั้นผมก็ใส่เกินหรือไม่ใส่บ้าง เหอะๆๆ ก็ใกล้วันเปิดกระปุกหมูแหละ ลองมาทายเล่นๆดีกว่าว่าจะเกินอะป่าว กิ๊วๆๆๆ

จากการลองแบ่งเงินเป็นก้อนๆแล้ว
พบว่าตัวเองยังไม่สามารถคุมตัวเองได้ในบางอย่าง ซึ่งก็เป็นบทเรียนที่ดีสำหรับการวางแผนการเงินใหม่ในปีนี้ ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ยังคงแบ่งเงินเป้นสามก้อนเช่นเคยแต่คงเปลี่ยนรูปแบบการเก็บนิดหน่อยตามความเหมาะสม

ไว้วันที่ครบรอบกระปุกหมูแล้ว..

จะมาเขียนเป็นแผนเอาไว้กำหนดเป้าหมายการเงินของตัวเองในปีหน้าหล่ะกานนนนนนนนนน^^


เงินๆทองๆเป็นของนอกกาย...แต่ถ้าอยากทำไรเพื่อประเทศนี้..ก็ต้องเริ่มต้นที่ตัวเรา เก่งให้มากพอที่จะช่วยคนอื่น ก็ฝันไว้แล้วว ดูดิ๊จะไปได้แค่ไหน

^^

วันอังคารที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2552

0002b : ความโง่...

เที่ยงคืนก่าๆ อีกแล้ว เหอะๆๆ ไมหน้าหนาวปีนี้มันไม่หนาวเยือกเหมือนปีที่แล้วเลยแฮะ ><
วันนี้ก็คงยุ่งเหยิงเหมือนเคยยยย ทำนู้นนี้นั้น และหลักลอยเหมือนเดิมเหอะๆๆ
หาแก่นสารไม่ได้ซะเรยย

พอจะได้นั่งว่างเหมือนว่าอยากขีดเขียนระบายออกหน่อยๆๆ

จะว่าไปแล้ว เราก็จบคอมพิวเตอร์มาเนอะ แบบฉิวเฉียดแทบจะไม่จบ จำได้ว่าลงเรียนฟิสิกสองมาหลายรอบมากๆ เหอะๆ จนแล้วจนรอด ก็อ้อนๆอาจารย์จบมาจนได้ ขอบคุรนนะงับ ท่านอาจารย์...

ตอนสมัครงานก็ยังเป็นความโชคดีที่ SCB รับเด็กคนนึงที่เกรดเน่าๆ ขอบคุรครับ SCB...

ระหว่างเรียนจบก็ไปอบรมนักลงทุนรุ่นใหม่ที่ตลาดหลักทรัพย์มา ก็ไม่ได้รู้เรื่องการเงินเอาซะเลยยย ขอบคุรครับ ตลาดหลักทรัพย์ ^^

เพราะโง่ อาจารย์ฟิสิกจึงได้ช่วย
เพราะเกรดไม่ดี ถ่อมตัวเวลาสมัครงาน จึงติดได้
เพราะไม่รู้เรื่องการเงิน สมองเลยไม่ถูกจองจำด้วยกรอบของความรู้

สรุปแล้วได้ดีเพราะโง่ว่างั้น

เพราะไม่รู้จึงเป็นแรงผลักดันมาได้เรื่อยๆ
เพราะไม่มีกฏเกณฑ์จึงไม่ถูกบังคับให้เรียนรู้
เพราะโง่จึงรู้ได้ไม่สิ้นสุด

ย้อนมาดูวันนี้ มองกลับไป อืมเราก็มาไกลเหมือนกานนะ อะไรที่เคยงงแต่ก่อนมาก็รู้มากขึ้น รู้ตัวด้วยว่าไม่ค่อยชอบคอมพิวเตอร์... เขียนโปรแกรมงั้นๆ อะ น่าเศร้า สายอาชีพนี้คงไม่เจริญแน่ๆ

การเงินการลงทุนก็รู้มากขึ้น แต่ก็เหมือนยังโง่อยู่...ไม่ได้จบบริหารมาก็มองไรมะค่อยออก

แต่ก็ดีเนอะ เพราะไม่รู้เนี่ยแหละ เลยลากๆด้วยเพื่อนๆพออยู่คนเดียวก็จินตนาการบ้าง ผูกๆระโยงระยางเหมือนไม่เกณฑ์และกฏ ก็นั้นแหละ แก่นแท้บางทีรูปทรงมันไม่จำเป็นต้องเหมือนแท่ง บางทีเป็นแค่ก้อนกรอบความรู้ พอดูให้ขาดเห็นให้ชัดก็ลงทุนได้แล้ว

เหอะๆๆ ฟังๆไป เขียนๆมาก็งงเหมือนกานแฮะ ^^

และวันนี้ก็จะทำสิ่งโง่ๆอีกอย่างนึง

อยากขายของแต่ไม่รู้อะไรเลย โทรไปหา distibutor แบบงง เพ่น้องจะค้าขายกับเพ่ ทำไงบ้าง

เพ่แกก็บอกโค้ดลับงงๆมาว่า เอ่อ..น้อง จัดตั้งเป็นนิติบุคคลละค่อยมาคุยกัน

ต่อมาโทรไปถามอีกหลายๆคน นิติบุคคลตั้งยังไง เอ่ออ ทุนจัดตั้งบริษัทล้านนึง แทบกรี๊ด แต่รื้อไปรื้อมา

อ๋อ ซิกแซกได้ด้วยนี้หว่า โฮะๆๆๆ

โทรไปถามใครก็มักจะโดนกรอบความรู้คนอื่นๆบอกว่าไม่ได้หรอก อย่าทำเลย เสี่ยงหน่ะ บลาๆๆ

แล้วเชื่อที่ไหนหล่ะ ....

วันนี้ต้องขอบคุรความโง่ เพราะไม่รู้ มันเลยแสวงหา

หากวันไหนที่แน่แล้วว

ก็คงแน่นิ่งไม่ไหวติงหยุดนิ่งไร้วิญญาณ...