วันพุธที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ประเจิมม อยากจะเก็บประวัติศาสตร์ของตัวเองสักครั้ง^^

วันที่สิบสองพฤศจิกายนสองพันห้าร้อยห้าสิบสองตีหนึ่งเห็นจะได้ จริงๆแล้วพรุ่งนี้เป็นวันทำงานแต่ติดธุระปะปังกะว่า พรุ่งนี้เช้าจะโทรไปลาหัวหน้า ^^

คงได้ฤกดิ๋ดีๆเต็มแก่ อารมณืกำลังพุ่งถึงจุดได้ใจอยากจะขีดจะเขียนชีวิตตัวเองซะเหลือเกินน

ก็นั้นแหละนะ เผื่อว่าพรุ่งนี้อีกหน่อยเป็นใหญ่เป็นโต โอ้ว้าว ได้เอาประวัติเองลงขายกับเค้าบ้าง ^^!!

คงจะเก๋ไก๋ไม่เบา แอบเห็นตัวเองมีแฟนคลับล้อมหน้าโอมหลังง ฮิ้วๆๆ คงได้ใจตัวเองมากหล่ะ

เอาหล่ะๆๆ พล่ามมามากเกินไปแหละ

วันนี้บล็อคแรก ขอหน่อยหล่ะกานไม่ขาดไม่เกิด

อัตถชีวิตของไอปอฮับได้บันทึกการเดินทางสักที



ความฝัน ใฝ่ฝัน มุ่งมั่น ทุ่มเท

"แม่ปอไม่เรียนต่อมหาลัยได้ป่าว อยากทำงานอะ >< " สิ้นเสียงใสๆของผมแม่ก็ด่าเปิงกลับมา

"แล้วจะทำมาหากินอะไร??" เออนะน้ำเสียงปนโกรธนิดๆๆ

"ไม่รู้ แต่ไม่อยากเรียน.." >< ก็นั้นแหละ ด้วยความเป็นลูกคนเดียว อยากลองทำไรก็พูดเลย(กับแม่คนเดียว ^^)

วันนั้นคงเป็นครั้งแรกที่ทิ้งไว้ซึ่งความงงงวย เออ เราจะทำงานไรวะ ??? ไม่นานหลังจากนั้นช่วงนั้นเป็นช่วงที่กำลังจะขึ้นมหาลัยพอดี ด้วยบุญเก่าก่อนตั้งแต่มัธยมทำไว้เยอะ ช่วงนั้นสอบติดการกุศลมากหน่อยก็เลยติดโควต้ามหาลัยเกษตร วิทยาคอมพิวเตอร์ โดยคะแนนขาดอีกห้าสิบหกสิบคะแนนเห็นจะได้ เอานะ กรูโม้ได้หล่ะวะ เอนติด!!! เกษตร เท่นะเมิงงง

ก็หลงชื่อสถาบันอยู่พักนึง อารมณ์ว่าทับเพื่อนได้ 555 ช่วงมหาลัยนี้ เป็นอะไรที่สนุกมากๆๆ แบบว่านะ เคยแบบฟังเพ่ที่จบไปก่อนแล้วออกไปทำงานแล้วกลับมาพูดแนะนำๆๆ บลาๆ บอกว่า ตอนเรียนอะสนุกให้เต็มที่นะน้องๆๆ ทำงานแล้วมันก็จะเป็นอีกเรื่องนึงง ก็เพิ่งจะมาสำนึกได้ว่า ทำงานแล้ววไม่มีปิดเทอมม เศร้าใจเล็กน้อย 555


ย้อนกลับมาในรั้ว มก. ก่อนดีกว่า ด้วยความเป็นเด็กที่ติดมา ด้วยบุญเก่าอันล้นเหลือ พอมาเจอเพื่อนๆที่เอนต์มาได้ เอาหล่ะงานเข้าแล้ว!! จากเด็กเรียนดีมากบุญบารมีสมัยมัธยมมาเป็นเด็กท้ายห้องมะค่อยชอบเรียนเท่าไหร่ แถมบ้ากิจกรรมอีกต่างหาก เกรดเทอมแรกในรั้วมหาลัยยยยยยยยยยย แต๊นแต๊นนนนนนนนน สองต้น!! สวยไหมหล่ะ !! และตั้งแต่นับจากนั้น ผมก็ไม่เคยบอกเกรดแม่อีกเลยยยยยยยยย แต่อย่าคิดว่าผมจะสลดนะ 55 ป่าวเลย กลับยังครึกครื้นอยู๋ได้ทุกๆวัน คิดในใจว่าเอาวะ ไม่ตกก็พออ เกรดก็ประมาณนี้ขึ้นลงตามวิชาที่ชอบมากกว่าจะตั้งใจทำให้มันดีๆ อันไหนชอบก็ตั้งใจมากหน่อย อันไหนไม่ชอบ คาบมีนพอจร๊า จนแล้วจนรอด ก็รอดจนได้ บทเรียนลึกลับอันนึงของเด็กไม่ตั้งใจเรียนคือความสามารถแฝงในการเอาตัวรอดสูง

ด้วยเหตุหนอันใดก็แล้วแต่ สุดท้ายผมก็รอดจบปีสี่แบบไม่ขอบวกเวลาเรียนเพิ่ม ด้วยเกรด เฉลี่ยคงเส้นคงวา 2.17 !!! บาดใจไหมหล่ะ 555 ในระหว่างเป็นเด็กเรียนที่อยู่ท้ายห้อง นอกจากจะหลับเป็นปกติแล้วยังชอบเฟ้อฝันเป็นประจำ บ่อยๆเลย ฝันว่าจะเป็นแฟนคนนู้นนั้นนี้ จีบติดบ้างไม่ติดบ้าง บลาๆ ปนไปเรื่อย และนอกเหนือไปกว่านั้น คือความฝันของอนาคตตัวเอง....

ความจริง ความหวัง และความฝัน


ตอนเด็กๆผมอยากเป็นคนขับรถไฟ โตขึ้นมาหน่อยอยากเป็นหมอ มาอีกนิด เป็นนักวิทยาศาสตร์ และสุดท้ายยเป็นโปรแกรมเมอร์ >< ทุกคนคงมีความฝันเป็นของตัวเอง เพียงหลับตานึกถึง หล่ะจะไม่อยากตื่นเลย ประมาณนั้น ผมก็เป็นคนนึงที่มักจะอยู่ในภวังค์ที่เลื่อนลอยบ่อยๆ ชอบฝัน พูดมากกว่าทำ เราจะเป็นนู้นเป็นนี้เป็นนั้น สารพัด ก็เป็นอะไรที่เรื่อยเปื่อยย
แต่ชีวิตคนเรามันก็มีมุมของตัวมันเองนะ คุณว่าไหม ผมก็เจอมุมของผมในระหว่างเรียนนี้แหละ >>> หนังสือ เป็นหนังสือเล่มนึงชื่อว่าพ่อรวยสอนลูก ช่วงนั้นจำได้ว่าแห้วจากใครสักคน เลยเบื่อเซ็งและได้เห็นหนังสือเล่มนึง ก็หยิบมาอ่าน มันเป็นอะไรที่พลิกชีวิตตัวเองไปเยอะเลยทีเดียว หนังสือเล่มนี้เป็นแนวคิดที่จะสร้างความมั่งคั่งให้ตัวเองโดยไม่ต้องเป็นลูกจ้างใคร ก็อ่านๆๆๆ ไป ท้ายที่สุดก็อยู่ในภวังค์มากกว่าเดิม เคยเป็นมะ คิดว่าตัวเองรวยแล้วอะ 5555 หลงๆหลอกๆรั่วๆ ยังไงยังงั้นเลย

นั้นหล่ะเป็นมุมแรกของผมซึ่งถ้ามีแต่มุมนี้มุมเดียวผมคงยังไม่เป็นผู้เป็นคนได้ในตอนนี้

จนเจอมุมอีกมุมนึง

ครูผู้ประสิทประสาทวิชาให้แก่เรา
ท่านชื่ออาจารย์พบสิทธิ์ เป็นอาจารย์สอนคอมพิวเตอร์ที่ออกแนวเถ่าแก่นิดๆ(มีธุรกิจส่วนตัว ขอเรียกสั้นๆว่าจารย์แล้วกันนะงับ)

เป็นเพราะโชคอีกครั้งนึง ที่ทำให้ผมกับจารย์ได้สนิทกันมากและมีเพื่อนผมอีกสองสามคนก็สนิทกับจารย์ด้วย ช่วงนั้นเป็นช่วงกำลังจบปีสามซึ่งต้องหาที่ฝึกงาน ก็หาๆๆ ตามประสาคนต้องหัดทำงาน ก็ไม่คิดไรมากอะ หาให้ได้ก็พอเพราะเราก็เป็นท้ายห้อง มีงานให้ทำก็ดีถมไปแล้ว 5555 และในระหว่างที่กำลังประชุมกับจารย์ในช่วงคุยเล่น

จารย์ได้สอนปฐมบทที่เปลี่ยนชีวิตผมและเพื่อนผมไปกาลทุกอย่างเริ่มต้นง่ายๆด้วยคำว่าจความจริงความฝันต่างกันอย่างไร???

ไอเราได้ยินอย่างนั้น ก็ตอบได้อย่างฉะฉานว่า "ความจริงก็คือสิ่งที่เราเป็นอยู่ส่วนความฝันคือสิ่งที่เราอย่างเป็นน"

"จารย์ยิ้มสักพักแล้วบอกว่า "ก็ถูกแต่ไม่ทั้งหมด" เพื่อนผมตอบจารย์ว่าอย่างนั้น

"ก็ไม่ถูกทั้งหมด จริงๆแล้วเส้นนี้คือเส้นของความหวังเส้นของความพยายามเส้นของความตั้งใจเส้นของวิธีการที่จะไปให้ถึงความฝัน" ผมจบปริญาตรีก็วันนี้แหละ สิ่งที่หามานาน

ใครอาจจะไม่ตื่นเต้นเท่าผมก็ได้ แต่อยากจะขอบคุณจารย์อีกครั้งนึงว่า จารย์ได้เปลี่ยนชีวิตของนิสิตที่ไม่ค่อยตั้งใจเรียนคนนึง ให้เป็นคนที่รู้ว่าตัวเองยืนอยู่จุดไหนและต้องการไปยังจุดใด

และแล้วผมก็งงไปชั่วครู่จนจารย์เผยยิ้มนิดๆ แะพูดต่อไปว่า

"เธอลองนึกถึงจุดสองจุด จุดสองจุดนี้ อยู่ห่างกัน " จารย์พูดให้เรานึกตาม
"จากนั้นให้จุดแรกคือจุดที่เจอยืนอยู่...จุดนี้คือสิ่งที่เราเป็นจุดนี้คือความจริง"
"จุดที่สองคือจุดที่เราต้องการจะเป็น"
"จากนั้นให้เธอลากเส้นตรงระหว่างจุดทั้งสอง"

"แล้วเธอรู้ไหม เส้นตรงที่ว่านี้เรียกว่าอะไร ???" สิ้นเสียงคำถามปนรอยยิ้มนิดๆๆ พร้อมหน้างงๆของเหล่าศิษย์

"ความพยายามมั้งคับ" เพื่อนข้างๆผมตอบ

ไม่นานนักจารย์ก็ได้พูดออกมา

"แท้จริงแล้วเส้นี้คือเส้นของความหวัง เส้นของความพยายาม เส้นของความมุ่งมั่นที่จะไปจุดมุ่งหมายนั้น เส้นที่ทำให้ฝันของเราเกิดขึ้นได้สัมผัสได้"

ไม่ว่าจะนิยามด้วยคำอย่างไรก็แล้วแต่ผมเข้าใจความหมายของจุดสองจุดและเส้นเหล่านี้ดี ตั้งแต่วันนั้นถึงจะยังเรียนไม่ได้เรื่องจนจบปีสี่แต่ผมก็ได้วิชาที่มีค่านี้ออกมาในการทำงานพร้อมสร้างความฝันบนโลกแห่งความจริง ขอขอบคุณอาจารย์อีกครั้งครับ

และภาพต่อไปนี้คือจุดสองจุดและเส้นของความหวังของผมครับ ไม่ตรงตำราที่จารย์ว่าไว้สักทีเดียวแต่ผมกำลังทำมันเรื่อยๆครับ



และอีกภาพเป็นภาพความฝันที่ทำให้ผมได้รับรางวัลด้วย




อีกไม่นานครับ ความฝันของผมก็จะเป็นจริง

ขอบคุณครับ^^

ทุกๆคนที่ทำให้ผมมีวันนี้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น