วันเสาร์ที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

การคัดเลือกหุ้นจากหนังสือ the intelligent investor

เอามาลงไว้ก่อนเป็นความรู้ สำหรับเนื้อหาเหล่านี้ได้มาจากหนังสือเรื่อง the intelligent investor ของ เกรแฮม

ท่านได้แบ่งนักลงทุนออกเป็นสองลักษณะ พร้อมทั้งวิธีการเลือกหุ้นในคุณลักษณะทั้งสอง ผมก็เลยสรุปออกมาเอาไว้ดูเป็นหลักเกณฑ์ในการเลือกครับ ใครสนใจก็เอาไปใช้ได้นะครับ ไม่ว่ากัน ^^


การคัดเลือกหุ้นสำหรับนักลงทุนเชิงรับ

1.ขนาดของบริษัทต้องใหญ่เพียงพอ

เพื่อเหลีกเลี่ยงภาวะผันผวนของราคาหลักทรัพย์

ยอดขายของบริษัทควรเกิน 3000ล้านบาทและมีสินทรัพย์มากว่า 1500 ล้านบาท

2. ฐานะทางการเงินแข็งแกร่งเพียงพอ

สินทรัพย์หมุนเวียนควรมากกว่าสองเท่าของหนี้สินหมุนเวียน

หนี้สินระยะยาวน้อยกว่าสินทรัพย์หมุนเวียน

· ยกเว้น บริษัทที่ทำเกี่ยวกับสาธารณูปโภคมีหนี้สินต่อทุนไม่ควรเกินสองเท่า

3. ความเสถียรของผลกำไร

มีผลกำไรต่อเนื่องมาตลอดระยะเวลา 10 ปี

4. การจ่ายปันผล

จ่ายปันผลต่อเนื่องมาเป็นระยะเวลา 10 ปี

5. การเติบโตของผลกำไร

กำไรเฉลี่ยสามปีล่าสุดต้องมากกว่ากำไรเฉลี่ยสามปีเมื่อห้าถึงสิบปีที่แล้ว

6. อัตราส่วน PE ไม่ควรสูงเกินไป

ไม่ควรเกิน 15 เท่า

7. อัตราส่วน P/BV ไม่ควรเกิน 1.5 เท่า

* PE x (P/BV) ไม่ควรเกิน 22.5

การคัดเลือกหุ้นสำหรับนักลงทุนเชิงรุก

1. ฐานะทางการเงิน

สินทรัพย์หมุนเวียนสูงเป็น 1.5 เท่าของหนี้สินหมุนเวียน

หนี้สินไม่ควรเกิน 1.1 เท่าของสินทรัพย์หมุนเวียนในบริษัทประเภทอุตสาหกรรมการผลิต

2.ความเสถียรของกำไร

ไม่มีผลขาดทุนในช่วงห้าปีหลังสุด

3. ประวัติการจ่ายปันผล

มีการจ่ายปันผลในปีปัจจุบัน

4. การเติบโตของกำไร

ต้องมากกว่า สีปีที่แล้ว

5. ราคาต้องอยู่ต่ำกว่า 1.2เท่าของ BV

วันพุธที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

เมื่อคุณมีอายุล่วงเลยมาถึงวัยกลางคน อย่างผม (48 ปี)

เมื่อคุณมีอายุล่วงเลยมาถึงวัยกลางคนอย่างผม (48 ปี)
คอลัมน์ 101 ปฏิบัติการพลิกชีวิต โดย รัชชพล เหล่าวานิช

ไม่ว่าคุณจะประสบความสำเร็จหรือล้มเหลวในชีวิต แต่บ่อยครั้งที่หลายๆคนคงอดไม่ได้ที่จะมองย้อนกลับไปสู่อดีต และหวนคิดถึงเหตุและปัจจัยแห่งความสำเร็จ หรือล้มเหลวของแต่ละคน สำหรับบางคนเมื่อมาถึงวันนี้ คุณอาจจะกำลังชื่นชมและภาคภูมิใจกับความสำเร็จในอดีตที่ทำให้มีชีวิตที่ดี ขึ้นในวันนี้ แต่อีกหลายๆคนก็อาจจะฟูมฟายโทษชะตากรรมหรือโทษคนอื่น ว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้ชีวิตต้องประสบความล้มเหลว แต่จะมีสักกี่คนที่จะตระหนักว่า ความสำเร็จหรือล้มเหลวในชีวิตของแต่ละคนนั้น ถึงแม้ในบางครั้งเราอาจจะต้องพึ่งพาจังหวะโอกาส (โชคชะตา) ที่เข้ามาในชีวิต แต่คนที่สำคัญที่สุดที่มีส่วนในการตัดสินชะตาชีวิตของแต่ละคนก็คือ “ตัวเอง”

หลายวันก่อนมีโอกาสหยิบ DVD ภาพยนต์เรื่อง Invictus หรือ จิตวิญญาณของผู้ไม่แพ้ ที่สะท้อนอัตตชีวิตบางส่วนของ เนลสัน เมนเดลา ประธานาธิบดีของอาฟริกาใต้ ในการหลอมรวมจิตใจของคนในชาติ โดยอาศัยกีฬารักบี้ เป็นเครื่องมือ

ในภาพยนต์ แมนเดลา พยายามกระตุ้นและสร้างแรงบันดาลใจ ให้กับ ฟรังซัวร์ พีนาร์ กัปตันทีมรักบี้ สปริงบอกซ์ (Springboks) ในการแข่งขันรักบี้ชิงแชมป์โลกเมื่อปี 1995 ที่อาฟริกาใต้เป็นเจ้าภาพ โดยผ่านบทกวี วิลเลียม เออร์เนส เฮนรี่ William Earnest Henley (1849-1903) ชาวอังกฤษ

“I thank whatever gods may be
For my unconquered soul
I am the master of my fate
I am the captain of my soul.”

บทกวีชิ้นนี้ สะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนถึง ความหมายของ จิตวิญญาณของผู้ไม่แพ้ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่เป็นตัวกำหนดความสำเร็จและล้มเหลวในชีวิตของคนแต่ละ คน

คุณเคยสงสัยเหมือนผมไหมว่า ทำไมทุกวันนี้ประเทศไทยมีประชากรประมาณ 65 ล้านคน แต่มีผู้คนที่อยู่ส่วนบนของยอดปิรามิดที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศเรา จริงๆเพียงไม่เกิน 5 แสนคนเท่านั้น เมื่อวัดจาก 90% ของยอดการจัดเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาที่มาจากคนกลุ่มนี้ เทียบกับฐานของผู้เสียภาษีที่อยู่ในระบบประมาณ 6 ล้านคน

ขณะเดียวกันคนกลุ่มนี้ส่วนใหญ่มียอดเงินฝากที่อยู่ในบัญชีออมทรัพย์ เกินกว่า 1 ล้านบาท และมียอดเงินรวมกันถึงกว่า 90% ของยอดเงินฝากทั้งระบบที่มีกว่า 7 ล้านล้านบาท ในขณะที่อีก 70 ล้านบัญชีที่เหลือ มียอดเงินฝากต่ำกว่า 1 แสนบาท

สำหรับบางคนอาจจะบอกว่าตัวเลขพวกนี้สะท้อนถึงปัญหาความเหลื่อมล้ำ ทางสังคม การขาดโอกาสของประชาชนที่มีต้นตอมาจากปัญหาเรื่องระบบอุปถัมภ์ ไปจนถึงการคอรัปชั่นที่กัดกินสังคมไทยมายาวนาน จนนำไปสู่ความขัดแย้งกันทุกวันนี้ ที่ทำให้ประเทศไทยจำเป็นต้องมีการปฏิรูปเศรษฐกิจครั้งยิ่งใหญ่ เพื่อแก้ปัญหาและหาทางลดความเหลื่อมล้ำของสังคม

แต่ถ้ามองในมุมกลับ คุณเคยคิดเหมือนผมไหมว่า ทำไมคนบางคนที่เป็น “เศรษฐี” เขาถึงรู้วิธีที่จะหาเงิน แต่คนอีกจำนวนมากที่เป็น “คนจน” ไม่ว่าจะทำอย่างไร ก็ยังคงไม่สามารถลืมตาอ้าปากได้เสียที

เคยมีคนบอกว่า ถ้าวันหนึ่งเพื่อให้ทุกคนเสมอภาค รัฐบาลตัดสินใจปฏิวัติยึดทรัพย์สินของพวกเราทุกคนไปหมด แล้วเอามาแบ่งให้เท่าเทียมกันให้กับทุกๆคนที่บรรลุนิติภาวะแล้ว คนละ 1 ล้านบาท หลังจากนั้น 1 ปี ถ้าลองมาตรวจสอบทรัพย์สินกัน เราจะพบว่าคนที่เคยจนก็จะเริ่มกลับไปจนเหมือนเดิม ในขณะที่คนที่เคยเป็นเศรษฐีก็จะกลับมารวยทันตาเห็นได้อีกเช่นกัน

คำตอบมันจึงไม่ได้ขึ้นอยู่กับ การปฏิวัติหรือปฏิรูปเศรษฐกิจของประเทศ แต่มันขึ้นอยู่กับ การปฏิรูปตัวคุณเองมากกว่า

ทำไมจึงเป็นเช่นนั้นก็เพราะทั้งหมดมันขึ้นอยู่กับ ทัศนคติในการใช้ชีวิตของ “ตัวคุณเอง” ที่พร้อมจะ “เปลี่ยนแปลง” ให้ดีขึ้น และมี “จิตวิญญาณของผู้ไม่แพ้” หรือไม่ ?
ทั้ง หมดเป็นส่วนหนึ่งของเคล็ดลับในการพลิกชีวิต สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ในรายการวิทยุ 101 ปฏิบัติการพลิกชีวิต Money Makeover ทาง FM 101 Mhz วันจันทร์-ศุกร์ 11.15-11.35 น. หรือ www.moneymartthai.com และติดตามคอลัมน์นี้ได้ทุกๆวัน ในหนังสือพิมพ์รายวัน ASTV ผู้จัดการ


ที่มา : http://manager.co.th/MutualFund/ViewNews.aspx?NewsID=9530000096858